**ประจวบ kick off รณรงค์ประชาชนหยุดเผา หยุดฝุ่น PM 2.5 เพื่อคุณเพื่อเรา ชาวเมืองประจวบฯ*
*
**เมื่อเวลา13.30 น.วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.9 หน้าศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์(หลังใหม่) นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนรถน้ำดับเพลิงฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของหน่วยงานต่างๆ ในกิจกรรม kick off หยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อคุณ เพื่อเรา ชาวเมืองประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเป็นการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนหยุดการเผา ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดฝุ่น PM 2.5 โดยมีนาย กมล แก้วเทศ นายกเทศมนตรีเมืองประจวบคีรีขันธ์ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ มี พญ.บุษกร สวัสดิ์แสน ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดฯ นายประทีป บริบูรณ์รัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ นายธนวัฒน์ เรืองเดช รก.หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดฯ และหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม**
**ทั้งนี้ สืบเนื่องจากตามนโยบายและข้อสั่งการของรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย และกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ มีมติให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดขับเคลื่อนการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ด้วยการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ kick off ด้วยกิจกรรมส่งเสริมการตระหนักรู้ให้กับประชาชนในการห้ามเผาอย่างจริงจัง เคร่งครัด และเด็ดขาด เทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์จึงได้ร่วมกับส่วนราชการในจังหวัดประจวบ จัดกิจกรรม kick off หยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อคุณ เพื่อเรา ชาวเมืองประจวบคีรีขันธ์ขึ้น เป็นการสร้างความตระหนักรู้และร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองในอากาศ ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมของประชาชนในเขตเมืองประจวบคีรีขันธ์**
**นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของประเทศไทยในขณะนี้ คือ ปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือที่เรียกว่าฝุ่น PM 2.5 ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของพวกเราทุกคน ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กเป็นเรื่องที่เราต้องร่วมมือกันแก้ไขอย่างจริงจัง การลดการเผา และการลดฝุ่น เป็นอีกวิธีหนึ่งในการแก้ไขปัญหา วันนี้จึงได้มีกิจกรรมการปล่อยแถวขบวนรถน้ำ และการพ่นละอองน้ำ เพื่อลดฝุ่นในอากาศไปตามถนนสายต่างๆในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเป็นการรณรงค์ สร้างความตระหนักรู้ให้ประชาชน โดยเน้นสร้างความตระหนักรู้ ตักเตือน ให้คำแนะนำในการแก้ไขปัญหามากกว่าการบังคับใช้กฎหมาย แต่หากรายใดไม่เชื่อฟังก็อาจจะต้องบังคับใช้กฎหมายซึ่งมีทั้งโทษจำและปรับ สำหรับในส่วนรถบรรทุกที่ปล่อยควันดำ และโรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยควันไอเสียในกระบวนการผลิต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้ดำเนินการตามมาตรฐานอยู่แล้ว หลังจากนี้จะเป็นการให้ทางอำเภอแต่ละอำเภอทั้ง 8 อำเภอ ลงพื้นที่ไปทำกิจกรรมเคาะประตูบ้านขอความร่วมมือประชาชนในการหยุดเผา เช่น การเผาขยะ เผาหญ้า และเผาไร่ ซึ่งการทำอะไรให้เกิดผลกระทบและทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนก็จะเป็นบาปได้ ซึ่งในส่วนของการเผาไร่สวนของเกษตรกร เช่น ไร่สับปะรด ไร่อ้อยและนาข้าว ก็ได้มีการประชาสัมพันธ์ของความร่วมมือเปลี่ยนจากการเผาเป็นฝังกลบแทน ส่วนรถบรรทุกที่ปล่อยควันดำในช่วงนี้อาจจะต้องมีการตั้งด่านกวดขันบ่อยขึ้น โดยขอความร่วมมือทุกภาคส่วนช่วยกันลดฝุ่น PM 2.5 ให้ได้มากที่สุด**
พิสิษฐ์รื่นเกษมข่าว
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
โทร 064-364-1644